เทรนด์การจัดการศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่ต้องจับตาในปี 2025


อุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูล (Data Center) ยังคงเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกปี เช่นเดียวกับปี 2025

ในปี 2024 เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูล ทั้งในด้าน AI, ความยั่งยืน และระบบคลาวด์ ซึ่งล้วนเป็นแนวโน้มสำคัญที่กำลังเปลี่ยนแปลงวงการ

สำหรับปี 2025 นี้ ถึงเวลาสำรวจแนวโน้มใหม่ ๆ ที่จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการจัดการศูนย์ข้อมูลในอนาคต

หากคุณยังไม่ได้เริ่มวางแผนรับมือกับเทรนด์เหล่านี้ ตอนนี้คือโอกาสที่เหมาะสมที่สุดที่จะรวมแนวโน้มเหล่านี้เข้าไปในกลยุทธ์ของคุณสำหรับปี 2025

  • ความยั่งยืน (Sustainability) ยังคงเป็นข้อกังวลอันดับต้น ๆ ซึ่งในปี 2025 ความยั่งยืนของศูนย์ข้อมูลจะเป็นเสาหลักสำคัญของการออกแบบ และการดำเนินงาน เนื่องจากองค์กรต่าง ๆ จะถูกกดดันในเรื่อง Green Initiatives และการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอน (Carbon Footprint) โดยจะเน้นไปที่แหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และลม, การระบายความร้อนด้วยของเหลว (Liquid Cooling) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้พลังงาน และการนำความร้อนเหลือทิ้งกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ (Waste heat Recovery) ผู้บริหารศูนย์ข้อมูลจะให้ความสำคัญกับความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) โดยใช้ประโยชน์จากทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ที่มีระบบการจัดการพลังงานที่ทันสมัย ​​รวมถึงคำสั่งต่างๆ เช่น EED และ CSRD เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินการมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
  • เทคโนโลยีของระบบการจัดการทรัพย์สิน (Asset Management) กำลังขยายออกไปสู่พื้นที่นอกศูนย์ข้อมูล เมื่อสินทรัพย์ (Asset) ภายในศูนย์ข้อมูลมีปริมาณลดลง หรือยังคงเท่าเดิม ซึ่งองค์กรที่เน้นระบบคลาวด์มีความต้องการขยายการติดตามสินทรัพย์ (Track Assets, Parts, & Spares) ของตนไปยังพื้นที่อื่นๆ ด้วย เช่น ตู้ IDF เทคโนโลยีของระบบการจัดการทรัพย์สินนี้ รองรับการเก็บข้อมูลทุกรูปแบบ จากหลาย ๆ พื้นที่ไว้ที่ช่องทางเดียว สามารถแชร์ฐานข้อมูลข้ามพื้นที่, ฝ่าย หรือแผนกได้ง่ายผ่านระบบการจัดการเดียวกัน ขณะเดียวกันยังมีเครื่องมือสำหรับสร้าง Compliance Reporting ได้อย่างอัตโนมัติ เพื่อแสดงให้ทางผู้จัดการศูนย์ข้อมูล และผู้บริหารเห็นว่ามีการปฏิบัติตามข้อกำหนด และตรงตามมาตรการด้านการดูแลทรัพย์สินภายในศูนย์ข้อมูล ซึ่งการมีเครื่องมือที่ให้มาครบถ้วนยังช่วยให้ศูนย์ข้อมูลประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ต้องจัดซื้อเครื่องมือเหล่านี้มาใช้ได้อีก
  • บริการ Colocation มีพื้นที่เหลือน้อยลง และราคาแพงขึ้น อัตราค่าเช่า Colocation อยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่อัตราห้อง หรือพื้นที่ว่างอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ผู้จัดการศูนย์ข้อมูลต้องบริหารจัดการ Colocation ที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขั้นโดยไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยง (Risk) ตัวอย่างเช่น บริษัท Cisco ใช้ซอฟต์แวร์ DCIM เป็นเครื่องมือรวมศูนย์ที่จะช่วยบริหารจัดการรวมอุปกรณ์ หรือบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อใช้พื้นที่ภายใน Colocation น้อยลง ทำให้ประหยัดได้ถึง 40,000 ดอลลาร์ต่อเดือน (หรือ 480,000 ดอลลาร์ต่อปี!) จากไซต์เดียวเท่านั้น
  • ระบบไฮบริดคลาวด์ (Hybrid Computing and Cloud) กำลังเพิ่มขึ้น ตามรายงานของ Uptime Institute, เรื่องต้นทุน (Cost) ถือเป็นข้อกังวลอันดับหนึ่งสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านศูนย์ข้อมูล และผลสำรวจ CIO ของ Barclays เผยให้เห็นว่า CIO 83% ที่ได้รับการสำรวจในปี 2024 มีแผนที่จะเอาชนะปัญหานี้ด้วยการถ่ายโอนข้อมูล แอปพลิเคชัน หรือปริมาณงานทั้งหมดจาก Public Cloud กลับไปยัง Private Cloud หรือศูนย์ข้อมูลภายในองค์กรแทน โดยบริษัทต่าง ๆ กำลังใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์ DCIM เพื่อขับเคลื่อนประสิทธิภาพ และเวลาทำงานระหว่างการถ่ายโอนข้อมูลกลับคลาวด์ โดยเป็นความพยายามที่จะควบคุมต้นทุน และทำให้การจัดการโครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูลภายในองค์กรง่ายขึ้น
  • DCIM copilots กำลังปฏิวัติการทำงานในศูนย์ข้อมูลด้วยระบบอัจฉริยะ ผู้จัดการศูนย์ข้อมูลมีหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้นด้วยทรัพยากรที่จำกัด ซึ่ง DCIM copilots ช่วยให้การทำงานนี้ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ระบบตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของโหลด (Load Shift Detection) Sunbird ใช้ AI มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจาก PDU (Power Distribution Units) ในแร็คอัจฉริยะ เพื่อตรวจจับและแจ้งเตือนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโหลดระหว่างแหล่งจ่ายไฟในอุปกรณ์ IT ซึ่งช่วยป้องกันปัญหาการสูญเสียความซ้ำซ้อนที่อาจเกิดขึ้น, Auto Power Budget ของ Sunbird ช่วยคำนวณงบประมาณพลังงานโดยอัตโนมัติจากข้อมูลโหลดจริงของเซิร์ฟเวอร์ ทำให้ได้ตัวเลขที่แม่นยำ ช่วยลดการสำรองความจุที่ไม่จำเป็น เครื่องมือเหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการพลังงาน และลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในศูนย์ข้อมูล
  • ความหนาแน่นของ Rack ในศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการทรัพยากรด้านพลังงาน และการระบายความร้อนที่สูงขึ้นจากเทคโนโลยีอย่าง AI, Machine Learning และบริการคลาวด์ ส่งผลให้ศูนย์ข้อมูลต้องจัดการกับอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูง และมีความหนาแน่นมากขึ้น องค์กรต่าง ๆ กำลังประเมินว่าศูนย์ข้อมูลของตนสามารถรองรับฮาร์ดแวร์ AI และการประมวลผลที่ซับซ้อนได้หรือไม่ เพื่อให้การจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น พวกเขาจึงต้องการเครื่องมือวางแผนความจุที่ล้ำสมัย ซึ่งสามารถคำนวณปัจจัยสำคัญต่าง ๆ ได้ เช่น น้ำหนักของอุปกรณ์ในตู้ Rack ที่มีความหนาแน่นสูง เพื่อช่วยให้การออกแบบและการดำเนินงานในศูนย์ข้อมูลมีความปลอดภัยและยั่งยืน.
  • การใช้งานซอฟต์แวร์ DCIM กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามรายงานจาก Uptime Institute ระบุว่า “การพูดคุยกับผู้ปฏิบัติงาน แสดงให้เห็นถึงความต้องการซอฟต์แวร์ DCIM และเครื่องมือที่เกี่ยวข้องมากขึ้น เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการทำงานได้อย่างเร่งด่วน ทั้งในด้านความยั่งยืน (Sustainability), ความยืดหยุ่น (Resiliency), และการจัดการความจุ (Capacity management)” องค์กรชั้นนำหลายแห่งกำลังเปลี่ยนจากการใช้สเปรดชีต Excel และซอฟต์แวร์ DCIM รุ่นเก่า มาใช้ซอฟต์แวร์ DCIM รุ่นที่สองที่ทันสมัย ที่มีมีฟีเจอร์ล้ำสมัย เช่น การสร้างภาพแบบ 3D Digital Twin, การทำงานอัตโนมัติร่วมกับระบบอื่น ๆ ผ่านการ Integration และฟังก์ชันอื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการศูนย์ข้อมูล

เมื่อเรามองไปข้างหน้าในปี 2025 อุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลเตรียมพร้อมที่จะนำเสนอความคิดสร้างสรรค์เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในโลกที่เชื่อมต่อกัน

โดยการนำโซลูชันการจัดการศูนย์ข้อมูลสมัยใหม่มาใช้ ศูนย์ข้อมูลจะไม่เพียงแต่สามารถตามทันเทรนด์ในอุตสาหกรรม แต่ยังช่วยสร้างโลกที่มีความยั่งยืน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น อนาคตของศูนย์ข้อมูลมีแสงสว่าง และปี 2025 เราคาดว่าจะเป็นปีที่สำคัญสำหรับ Data Center

อยากเห็นไหมว่า ทำไมซอฟต์แวร์ DCIM ของ Sunbird ถึงช่วยลูกค้าพร้อมรับมือกับปีหน้าและอนาคต? ลองใช้ฟรีวันนี้เลย!

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.